วันนี้เราจะพาท่านมาขับรถเลนขวาโลดแล่นไปตามเส้นทาง Scenic Route สู่โดโลไมต์ แวะทักทายเมืองต่างๆ ไปเรื่อยๆ พร้อมแล้วลุยกันเลย!

ออทิชเซ่ (Ortisei) ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของเทือกเขาโดโลไมต์ หมู่บ้านที่นี่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะออสเตรีย อาคารบ้านเรือน โบสถ์ ร้านค้าต่างๆ มีสีสันพาสเทล ฟ้า ชมพู เหลือง ประดับภาพเขียนสีบนผนัง ระเบียง หน้าต่างประดับกระถางดอกไม้สีสวยน่ารักมากราวกับบ้านตุ๊กตา ชวนให้รู้สึกเพลิดเพลินกับการเดินเล่นในเมือง ซื้อของฝาก นั่งร้านกาแฟน่ารักๆ ใครชอบวิถีสโลว์ไลฟ์ต้องไม่พลาด ที่นี่ยังมีกระเช้าขึ้นไป ซิเซด้า (Seceda) ยอดเขาคล้ายเปลวไฟที่แข็งเป็นหินหรือเรียกกันว่า “Flame Frozen in Stone” เมื่อขึ้นกระเช้าจากในเมืองออทิชเซ่มาแล้วจะพบกับทุ่งหญ้าสีเขียวขจีสุดกว้างใหญ่ มีทางเดินไปใกล้ชิดกับยอดเขาซิเซด้าเพื่อถ่ายรูปจากมุมใกล้ๆ ยิ่งสวยมาก

หมู่บ้านวัล ดิ ฟุนส์ (Val di Funes) ที่นี่คือวิวหลักล้านที่แท้ทรู ชุมชนเล็กๆ ในหุบเขาฟุนส์ มีจุดชมวิวของเทือกเขาโดโลไมต์ที่สวยราวภาพวาดที่ทุกโปสการ์ดต้องมี นั่นคือภาพของโบสถ์เซนต์ มักดาเลนา หรือซานตา แมดดาเลนา (Saint Maddalena) สีขาวบนเนินเขาทุ่งหญ้ากว้างสีเขียว ท่ามกลางความอลังการของเทือกเขาหินปูนโอดเล่ (Odle) เป็นฉากหลัง และยิ่งสวยขึ้นไปอีกยามภูเขาต้องแสงสีทองในช่วงพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน แต่การจะไปจุดชมวิวนี้ก็ท้าทายข้อเข่าของเราไม่น้อย เพราะจากจุดจอดรถในหมู่บ้านจะต้องเดินขึ้นเนินเขาไปอีกหลายกิโลแม้วถึงจะพบกับจุดชมวิว

กอร์ตีนา ดัมเปซโซ (Cortina D’ampezzo) เมืองสกีรีสอร์ตกลางหุบเขาที่มีวิวอลังการสุดๆ ในฤดูหนาวจะเต็มไปด้วยนักสกีระดับโลก ในฤดูร้อนก็สวยงดงามไม่แพ้ใคร หากใครยังจำกันได้ที่นี่เป็นโลเคชันถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “James Bond 007: For Your Eyes Only หรือ 007 เจาะดวงตาเพชฌฆาต” ที่มีฉากไล่ล่าในลานสกีสุดเร้าใจ ภายในเมืองนอกจากมีรีสอร์ตน่ารักๆ แล้ว ถนนในเมืองยังมีร้านขายของแบรนด์เนมต่างๆ ให้พอได้เดินเล่นเพลินๆ ด้วย

ทะเลสาบเบรียส (Braies Lake) ทะเลสาบที่มีน้ำสีเขียวมรกต มีป่าสนและภูเขาหินปูนเป็นฉากหลัง ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งโดโลไมต์” และใครได้มาที่นี่ต้องไม่พลาดพายเรือไม้ในทะเลสาบสีสวย โรแมนติกมาก

ปิดท้ายด้วย ยอดเขาเตร ชีเม ดี ลาวาเรโด (Tre Cime di Lavaredo) เป็นยอดเขาแหลมขนาดมหึมา 3 ยอดติดกัน (Tre แปลว่า สาม, Cima แปลว่า ยอด) ที่ต้องเดินป่า (Trekking) ไปชมความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติกันใกล้ๆ แต่ถ้าไม่มีแรงและเวลาแนะนำแค่มาจุดชมวิวก็สวยงามไปอีกแบบ ยอดเขาตรงกลางที่สูงที่สุดมีชื่อว่า Cima สูง 2,999 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งในอดีตใช้เป็นส่วนหนึ่งของเส้นแบ่งเขตชายแดนระหว่างอิตาลีและออสเตรียอีกด้วย

ร้อยคำพูดก็ไม่เท่ากับมาเห็นด้วยตาตัวเอง ลองจินตนาการดูว่าจะวิเศษขนาดไหน ที่ตื่นมาตอนเช้า พอเปิดหน้าต่างก็เห็นวิวว้าวๆ อยู่ตรงหน้า นี่คือประสบการณ์การเดินทางครั้งใหม่ที่จะทำให้คุณสดชื่นหัวใจ ในทริปการสัมมนารับเชิญสองผู้สถาปนา 2568 โดโลไมต์ อิตาลี อีกไม่นานเกินรอ

หมายเหตุ: ภาพบรรยากาศเป็นเพียงภาพประกอบเพื่อการประชาสัมพันธ์เท่านั้น บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการท่องเที่ยวตามสถานการณ์เพื่อความเหมาะสม การจัดรายการหรือกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกกรณี ไม่ใช่ส่วนใดส่วนหนึ่งของแผนธุรกิจแอมเวย์ ฉะนั้น การพิจารณารางวัลสำหรับกิจกรรมส่งเสริมการขายอยู่ในดุลพินิจของบริษัท ผู้ที่จะได้รับรางวัลในกิจกรรมส่งเสริมการขายแต่ละกิจกรรม จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามเงื่อนไข จรรยาบรรณ และระเบียบปฏิบัติของบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น